You are currently browsing the category archive for the ‘ช่างเล่า’ category.

สนุกกับการทำภาพสี แบบ vintage ที่กำลัง แร๊งงงงงงงงง

เก่าตั้งแต่ซื้อมาแล้ว คู่นี้..ก็ยังเก่าได้อีก

เก่าตั้งแต่ซื้อมาแล้ว คู่นี้..ก็ยังเก่าได้อีก

มองดูทุกวัน-ก่อนและหลังตื่นนอน

มองดูทุกวัน-ก่อนและหลังตื่นนอน

alin

alin

umm...this programmm workk

umm...this programmm workk

ลองเอฟเฟกจาก photo scape

แอนบอกว่าความฝันของเธอคือการมีครอบครัวที่อบอุ่น

“เพราะพื้นฐานครอบครัวหนูก็ดี พ่อไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว ไม่เจ้าชู้ อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น เพราะมีแฟนแต่ละคนผิดหวังตลอด ก็อยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น มีงานทำที่มั่นคง”

แอนมีแฟนมาแล้ว ๓ คน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาตรวจร่างกายและรักษาโรค เพราะแฟนคนล่าสุดมีอาการที่บ่งว่าอาจเป็นโรค เขาจึงชวนเธอไปตรวจที่คลินิกเป็นเพื่อน

“หนูไม่ได้เป็นอะไร แต่แฟนมีหนองออกมาเวลาฉี่ เขาไปตรวจ เลยไปด้วยกับแฟน แฟนตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีด้วย แต่หนูไม่ได้ตรวจเลือด แล้วไปตรวจซ้ำรอบสองมาแล้ว  ไม่มีเชื้อค่ะ เหมือนหายขาดแล้ว แฟนก็หายแล้ว”

แอนเล่าถึงวิธีการคุมกำเนิดของเธอกับแฟนแต่ละคนว่า เธอมักใช้การหลั่งนอก

“กับแฟนคนแรก ใช้การหลั่งข้างนอกเพราะตอนนั้นยังเด็กด้วยกันทั้งคู่ กับคนที่สอง ตอนเริ่มคบกันแรกๆ ใส่ถุงยาง เพราะยังไม่ค่อยมั่นใจก็ใส่ถุงยางไว้ก่อน แต่พอคบๆ ไป  ช่วงหลังๆ ก็ไม่ใส่ แล้วใช้การหลั่ง ข้างนอกเอา  คนที่สามก็เหมือนกัน  แรกๆ ใช้ถุงยาง แล้วหลังๆ ก็เปลี่ยนให้หลั่งข้างนอกค่ะ”

แอนยอมรับว่าลึกๆ เธออยากเป็นฝ่ายเลือกให้แฟนใช้ถุงยางอนามัยกับเธอตลอด เพราะเธอไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างการใช้กับการไม่ใช้ แต่แฟนไม่ยอม

“อยากเป็นฝ่ายเลือกมากกว่า จริงๆ อยากให้เขาใส่ทุกครั้ง แต่เขาบอกว่าใส่แล้ว มันไม่ เหมือนธรรมชาติ ตัวเองรู้สึกไม่ต่างค่ะ แต่ก็ไม่ได้เล่าให้แฟนฟังว่าคิดยังไง แต่ทุกครั้ง ที่บอก ให้ใส่ เขาจะมีความรู้สึกว่าทำไม หาว่าไม่เชื่อใจกัน ส่วนมากก็จะพูดว่าไม่เอา ไม่ใส่  บางครั้ง กำลังมีอะไรกัน ถ้าเขาใส่อยู่  เขาก็ถอดออกเลย”

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับครอบครัว แอนบอกว่าเธอรักพ่อมาก เพราะพ่อเป็นฮีโร่ในดวงใจเธอ แต่เธอก็ทำให้พ่อแม่เสียใจหลายเรื่อง

“กับแฟนคนที่ ๒ เคยตีหนูด้วย  เกิดเรื่องมากมายหลายอย่าง หนูเคยออกจากโรงเรียน ก็เพราะเรื่องเขา เคยไปขายบริการด้วย เพราะอยู่ด้วยกันขัดสนมากกับคนที่สอง  พ่อกับแม่หนูส่งเงินมาให้  แต่มันไม่พอ ตอนนั้นพ่อไม่สบาย เป็นโรคท่อน้ำตาอักเสบ แล้วก็สงสารพ่อ ช่วงที่พ่อไม่สบายก็ไม่ได้ทำงาน และยังต้องส่งน้องอีกคนหนึ่ง ตอนนั้นแฟนมีปัญหากับทางบ้าน ที่บ้านไม่ให้เรียนแต่เขาจะเรียน หนูออกมา อยู่กับแฟนแล้ว ต้องจ่ายค่าเช่าห้อง ไหนจะต้องกินอีก ต้องให้แฟนอีก ก็เลยไม่พอ”

แอนเล่าว่าเธอใช้เวลาในการตัดสินใจหาเงินเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันเพียงคืนเดียว และที่เธอเลือกทางนี้ เพราะเป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอได้เงินมาอย่างง่าย และรวดเร็ว

“ถ้าตัดสินใจนานกว่านี้ คิดนานกว่านี้ เดี๋ยวจะไม่ไปไง   อีกอย่างคือถามจากเพื่อนที่เคยไปมา เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก แป๊บเดียว ช่วงที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เหมือนได้เงินมาง่ายๆ  ไปแป๊ปเดียว ก็ได้เงินกลับมาแล้วหนึ่งพัน แต่ถ้าเราไปขายของ ไปทำงานพิเศษ ต้องทำเป็นเดือนกว่าจะได้  ตอนที่ไปขาย  ตัดสินใจขายเอง เพราะมี เพื่อนๆ เคยทำกันมาก่อน เพื่อนกลุ่มที่เที่ยวแนะนำค่ะ บางคนก็เรียนที่เดียวกัน บางคนก็เรียนที่อื่น เป็นเพื่อนของเพื่อน ก็พอๆ รู้จักกันไป รู้จักกันที่เที่ยว แล้วออกมาข้างนอก ก็เจอกันบ้าง คุยกันบ้าง เขาทำอย่างนี้กันอยู่แล้ว เขาเลยแนะ”

แฟนแอนไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีการขายบริการเพื่อให้ได้เงินมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน เขาเข้าใจว่าเธอไปยืมคนอื่นมา และทำให้กลายเป็นสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้ง และเขาก็ทำร้ายร่างกาย เธอเมื่อเกิดความโกรธ

“แฟนก็คิดว่าไปยืมเพื่อนมา พอมาช่วงหลัง เริ่มลำบาก เริ่มมีปัญหากัน เพราะเวลาจะ ออกไปขาย หนูต้องอ้างกับแฟนว่าออกไปเที่ยวคนเดียว หลังๆ เริ่มมีปัญหากัน เริ่มลงไม้ลงมือ ส่วนมากก็ตบ หนูก็ไม่สู้  สู้ไม่ไหว ไม่รู้ว่าเพราะเขาหึงหรือว่ามีคนอื่น  มาพักหลัง ก่อนจะเลิกกัน ช่วงที่หนูท้อง เขาเริ่มหงุดหงิดไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไง เหมือนช่วงนั้น เขาเริ่มมีคนอื่นแล้ว”

แอนเคยพลาดจากการใช้วิธีคุมกำเนิดโดยให้แฟนหลั่งข้างนอก และเธอเป็นฝ่ายตัดสินใจทำแท้ง แม้ฝ่ายชายยืนยันว่าเขาอยากให้เธอเอาเด็กไว้ และจะไปบอกให้พ่อแม่มาจัดการ แต่เธอกลัวพ่อแม่ของเธอเองเสียใจ จึงอยากปิดบังเรื่องนี้ไว้ แต่สุดท้าย พ่อแม่ของเธอก็รู้ เพราะเธอต้องเข้าโรงพยาบาล เพื่อให้หมอขูดมดลูก จากผลของการกินยาสอดเพื่อขับเลือด จึงต้องมีผู้ปกครองมาเซ็นต์ยินยอม

“หนูเป็นคนเลือกทางที่จะเอาออกเอง พอประจำเดือนไม่มาเดือนแรก ก็เริ่มรู้ตัว แต่ตอนเอาออกจริง ก็ประมาณสามเดือน  ยาสอดได้ผลแต่ตกเลือดเยอะค่ะ ยาที่ได้มา เพื่อนพาไปเอา คนขายเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาล  พอไปหา เขาจะให้กินยาปรับฮอร์โมนก่อน ๑ เม็ด แล้วค่อยเริ่มสอดยา พอสอดยาแล้ว เลือดออกประมาณ ๑-๒ ชั่วโมง ก็ให้กินยาให้เลือดหยุด ค่อยๆ ไหลเหมือนเป็นประจำเดือน แต่ที่ต้อง ไปโรงพยาบาล เพราะมันออกไม่หมดค่ะ ก็เริ่มมีอาการหนาวเหมือนจะเป็นไข้  ปวดท้อง เลยต้องไปนอนโรงพยาบาล”

ผลจากการทำแท้ง นอกจากต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว แอนยังต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย เนื่องจากขาดเรียนจนไม่มีเวลาพอจะเข้าสอบ  ทำให้เธอต้องหาที่เรียนใหม่ โดยปิดบังไม่ให้พ่อแม่รู้ จนกระทั่งเธอได้รับทุนการศึกษาให้เรียนจนจบที่มหาวิทยาลัย แห่งใหม่

“หนูแพ้ท้องมากเลย คลื่นไส้ เหม็นเพื่อน เหม็นทุกอย่าง เลยไม่ค่อยได้ไปเรียน พอทำแท้งเสร็จ ก็ไม่ได้ไปเรียนอีกประมาณ ๒ สัปดาห์ พอต้องเข้าโรงพยาบาล ก็ไม่ได้ไปเรียนอีกเป็นเวลานานมากเลย   เงินค่าเรียนที่แม่ให้มาจ่ายก็ไม่ได้ให้ ต้องเอามาให้แฟนบ้าง อะไรบ้าง ต้องออกจากโรงเรียน ตอนออก ก็ไม่ได้บอกพ่อแม่  ย้ายมาเอง  เขาเพิ่งมารู้ทีหลัง เพราะทางมหาวิทยาลัยมีทุนให้ แล้วหนูได้ทุน เขาเลยส่ง หนังสือไปที่บ้านว่าเด็กคนนี้ได้ทุน แม่ก็โทรมา แม่ไม่ว่าอะไร แต่พ่อเสียใจมากว่า มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ ทำไมตัดสินใจเอง”

แอนยอมรับว่าเธอมีจุดอ่อนในเรื่องของความรัก เพราะเธอเป็นเด็กเรียนดีมาตลอด แต่เมื่อเริ่มมีแฟนคนแรกตอนอยู่ชั้น ม. ๓ และเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับเขาในตอนเรียนชั้น ม. ๔ เธอก็หมดความสนใจในการเรียนไปทันที กลายเป็นคนโดดเรียน เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้แฟน จนกระทั่งเลิกกันไปหลังจากต่างคนต่างสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

“เชื่อไหมตอนหนูคบกับแฟนคนแรก พอเริ่มขึ้น ม.๔ หนูเป็นคนที่ติดโทรศัพท์มากเลย หนูจะนั่งทำการบ้านเพื่อที่จะรอโทรศัพท์ ตอนนั้นโทรศัพท์มือถือยังไม่มี มีแต่โทรศัพท์บ้าน ต้องทำการบ้านหรืออะไรสักอย่างเพื่อจะรอโทรศัพท์คุยกับเขา  อ่านหนังสือก็อ่านไม่รู้เรื่อง แล้วช่วงหลังๆ เริ่มหนีโรงเรียน เพราะพอขึ้น ม.๔  แฟนมาเรียนอีกจังหวัด เรียนพาณิชย์ แต่หนูยังเรียนอยู่ที่จังหวัดอื่น หนูก็เริ่มหนีโรงเรียนมาหาแฟน แต่กลับบ้านทุกวันค่ะ ตอนเช้าก็นั่งรถจากบ้านไปนครสวรรค์  บอกกับแม่ว่าจะเรียนพิเศษแต่ไม่ได้เรียน ไปหาแฟน ต้องอยู่แถวบ้านเพื่อน แถวโรงเรียน เพื่อให้ถึงเวลาที่จะนั่งรถกลับ เพื่อให้ตรงกับเวลาที่โกหกแม่ว่าเราเรียน พิเศษ”

ครอบครัวของแอน จัดว่าเป็นคนครอบครัวที่อบอุ่นในความรู้สึกของเธอ เพราะพ่อเป็นคนใจดีมาก เแต่เมื่อถึงเวลาที่มีปัญหาส่วนตัว เธอกลับเลือกที่จะไม่เล่าให้ใครในบ้านฟัง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือน้องชาย

“ที่ไม่กล้าเอาลูกไว้ เพราะบ้านหนูฐานะปานกลาง แล้วเป็นที่จับตามอง เวลาไปตลาด คนก็ชอบถาม ชอบมอง ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่มีความรู้สึกว่ามีคนจับตามองเราอยู่ ถ้าเราทำอะไรไม่ดี เขาจะเอาไปพูดไปนินทา กลัวพ่อแม่อาย จริงๆ ไม่เคยพูดเลยค่ะ อยู่ในบ้าน ถ้าเรื่องทั่วไปคุย สนิทกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องปัญหาส่วนตัวลึกๆ ไม่กล้าบอก แม้แต่เรื่องแฟน ที่แม่รู้ เพราะแม่ค่อยๆ พูดแบบเป็นกันเองว่า มีแฟนยัง หล่อป่าว เด็กที่ไหนเหรอ ต้องคอยหลอกถาม ถ้าให้เล่าเอง ไม่เล่าค่ะ ไม่เล่าเลย แม้กระทั่งพอมีปัญหาจริงๆ พ่อกับแม่รู้ หนูก็ยังไม่บอก กลัวเขาเสียใจค่ะ”

วันนี้ แอนเรียนจบแล้ว และเป็นความภูมิใจของเธออย่างยิ่งที่สามารถเรียนจบได้ ภายในสี่ปีตามที่พ่อแม่หวังไว้ และเธอตั้งใจจะหางานทำให้ได้เร็วที่สุดเพื่อจะได้มีรายได้เป็นของตนเอง แต่กับความรัก เธอไม่แน่ใจว่าหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแฟนคนที่สามจะเป็นอย่างไรต่อไป  เพราะหลังจากทั้งสองไปรักษาโรคที่คลินิก  ต่างก็เริ่มหวาดระแวงกันและกัน

“แฟนคนนี้ พอคบกันมาได้สามสี่เดือน ก็รู้ว่าเขามีแฟนอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว แต่ไม่ได้แต่ง เขาคบกันมาก่อนหน้าจะมารู้จักหนู  เลยไม่รู้ว่าติดมาจากผู้หญิงคนนั้น  หรือติดมาจากหนู หลังจากไปรักษา เขาบอกว่าจะใส่ถุงยางกับทางนู้นตลอด แต่กับหนูเขาจะยังไม่ใส่  เขาบอกว่า  ถ้าเขาเกิดอาการอีก ก็เป็นเพราะหนูไปมีอะไรกับคนอื่น คือเขาจะเทสต์กับหนูค่ะ แต่หนูก็ไม่มั่นใจว่าจะจริงหรือเปล่า”

แอนยืนยันว่าเธอจะไม่หวนกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่เคยเป็นมา และจะพยายามไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีก

“คิดว่าต่อไปนี้จะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและดีที่สุด  ที่ผ่านมา หนูก็แย่พอสมควรแล้ว พอมองย้อนกลับไป คนที่อยู่เคียงข้างเราทุกครั้งก็คือ พ่อกับแม่  สำหรับหนู การเห็นพ่อกับแม่ ร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก”

………………………………………………………………

เรื่องที่ผ่านมาเนิ่นนาน

ห้องภาพของฉัน